เรื่องเล่าจาก ศ.คลินิก นพ. ยงยุทธ วัชรดุลย์
หลักคิดในการทำงาน
การทำงานทุกอย่างต้องมีหลักการ “ผู้ใหญ่ดึงผู้น้อยดันคนเสมอกันพยุง” ความสำเร็จของงานต้องได้รับการสนับสนุนและยอมรับจากทุกฝ่าย ที่จะได้มาซึ่งการยอมรับ ต้องมีปัจจัยสนับสนุนหลายอย่าง ถ้ามองในแง่วัฒนธรรมศิริราช พูดตามลำดับได้ดังนี้
- Seniority ความเป็นพี่น้อง ก็คือความรู้จักคุ้นเคยกันนั่นเอง เมื่อมีความเป็นญาติกัน ทุกอย่างก็ให้ซึ่งกันและกันได้
- Integrity ความซื่อสัตย์ความเชื่อถือ เป็นบุคลิกภาพที่จะให้เกิดการยอมรับ
- Responsibility มีความรับผิดชอบ ตรงเวลา เป็นคุณสมบัติที่คนดีต้องมีในตัว
- Innovation ความคิดสร้างสรรค์ ต้องไม่ลืมว่า นวัตกรรมทำให้กิจการใดๆ ในโลกอยู่ได้ และ
เกิดการพัฒนา ถ้าไม่มีนวัตกรรมองค์กรนั้นๆ ต้องสิ้นสุดลงในไม่ช้า
- Respect การให้เกียรติซึ่งกันและกัน เป็นปัจจัยที่ทำให้หมู่คณะทำงานร่วมกันได้ และแน่นอนทำให้เกิดความสามัคคี แก้ปัญหาที่ยุ่งยากขององค์กรได้
- Altruism การเห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ซึ่งตรงกับพระราโชวาทของสมเด็จพระบรมราชชนกที่กล่าวว่า ขอให้ถือประโยชน์ของคนไข้เป็นที่ 1 ประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ 2 ลาภและยศสรรเสริญจะตกแก่ตัวท่านเอง หากท่านดำรงอาชีพไว้ด้วยความบริสุทธิ Journey to Excellence and Sustainability แน่นอนต้องมุ่งหวังสู่ความเป็นเลิศในทุกสิ่งที่จะทำ และให้อยู่ยั่งยืนถาวร ทั้งหมดเป็นแนวคิดการทำงาน
อย่างชาวศิริราช ซึ่งมี Spirit อยู่แล้ว จึงไม่เป็นการยากสำหรับเลือดศิริราชที่แท้จริง
ผลงานที่ภาคภูมิใจมากที่สุด
งานที่ภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต คือ การก่อตั้งธนาคารกระดูก และเนื้อเยื่อ ที่ใช้ชื่อว่า ศูนย์เนื้อเยื่อชีวภาพกรุงเทพฯ ในพระอุปถัมภ์พระพี่นางเธอสมเด็จเจ้าฟ้ากัลยาฯ ซึ่งต่อมาภายหลังได้รับการแต่งตั้งจาก WHO
ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขา ธนาคารกระดูก ค.ศ.2005 – 2009 และศูนย์เนื้อเยื่อได้รับการตั้งให้เป็นศูนย์ประสานงานวิชาการของ WHO ในด้านงานธนาคารกระดูกและเนื้อเยื่อ Collaborating center ซึ่งเป็นผลงานที่ทำให้ประเทศในเอเชียแปซิฟิคยอมรับ ได้ตั้งสมาคม APASTB ขึ้นเมื่อ ค.ศ.1988 ได้รับเลือกเป็นนายกคนแรกของสมาคม ขณะนี้กำลังติดต่อประสานงานกับประเทศอินเดีย โดยได้เดินทางไปพบปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่กรุงนิวเดลี เพื่อพิจารณาความร่วมมือโครงการระดับประเทศขึ้นในอินเดีย โดยมีผู้อำนวยการกองควบคุมโรคประสานงาน ผลการริเริ่มงานธนาคารกระดูกและเนื้อเยื่อในประเทศไทยทำให้อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเสนอโครงการสร้างตึกเฉลิมพระเกียรติ เพื่อขยายพื้นที่ปฏิบัติงานให้แก่ศูนย์เนื้อเยื่อฯ ทั้งนี้เป็นเพราะลูกชายของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภาลูกเสือคนหนึ่งเคยรู้จักกัน และต้องการจะนำเข้าเครื่องจำหน่ายล๊อตเตอรี่โดยใช้คอมพิวเตอร์ซึ่งได้แนะนำรัฐมนตรีให้มารักษา ต่อมาท่านรัฐมนตรีได้มาตรวจรักษาต่อที่โรงพยาบาลศิริราช ได้เห็นสถานที่ตั้งของศูนย์เนื้อเยื่อคับแคบมาก จึงได้เกิดความคิดว่าจะสร้างตึกถวายเป็นโครงการเฉลิมพระบารมี 50 ปีครองราชย์ แต่ตึกจักษุเก่ามีปัญหาจะต้องซ่อมหรือสร้างใหม่ จึงได้ย้ายโครงการ one stop service ของออร์โธปิดิกส์ ไปไว้ชั้นบนๆ ของตึกสร้างใหม่ ทางรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ก็ตั้งโครงการสร้างตึกเฉลิมพระเกียรติขึ้นในโรงพยาบาลศิริราช 16 ชั้น และผู้เขียนได้ขอให้มีการกำหนดชั้นบนเป็น word ที่ประทับ และชั้นใต้ดินเป็นที่จอดรถ, ร้านค้า, และศูนย์อาหาร อีกทั้งได้ขอรัฐมนตรีช่วยให้กำหนดสำนักงานสลากกินแบ่งเป็นผู้ว่าจ้างในการสร้างอาคาร ตัวผู้เขียนขอเป็นเพียงกรรมการตรวจรับการก่อสร้างด้วยผู้หนึ่ง ซึ่งทำให้สะดวก และปลอดภัยในการว่าจ้างโดยคณะแพทยศาสตร์ มิใช่ผู้ว่าจ้าง แต่เป็นสำนักงานสลากกินแบ่งเป็นเจ้าของโครงการ คณะแพทยศาสตร์เป็นผู้ตรวจรับการก่อสร้าง ในการก่อสร้างและตรวจรับมีหลายงวด ซึ่งคณะกรรมการตรวจรับก็พยายามพิจารณารูปแบบ และตรวจรับตรงตามแบบดั้งเดิม ซึ่งก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงแบบอยู่บ้าง เช่น ชั้น 9 เดิมมีสระว่ายน้ำที่ใช้ทาง เวชศาสตร์ฟื้นฟู ต่อมาโรงเรียนกายภาพบำบัดของภาควิชาออร์โธปิดิกส์ได้เปลี่ยนสภาพเป็นคณะกายภาพบำบัดจึงได้ย้ายที่ตั้งไปที่ทำการมหาวิทยาลัยมหิดลเก่าที่เชิงสะพานพระปิ่นเกล้าฯ
ในระหว่างรับงบประมาณก่อนจะมีการประมูลก็มีเหตุการณ์เงินบาทลอยตัวที่ได้รับอนุมัติตอนแรก 500 ล้านบาท จึงสร้างไม่ได้และทางรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่บังเอิญว่าเป็นลูกชายของคนไข้ที่เคยผ่าตัดไว้ จึงอนุมัติให้เพิ่มงบประมาณโดยการนำเอาดอกเบี้ยที่เกิดจากเงินฝากอยู่มาสมทบ จึงทำ
ให้การก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติเป็นไปได้ในที่สุด จึงนับว่ากิจการลูกเสือมีส่วนเริ่มให้มีโครงการสร้างตึกนี้เกิดขึ้น จากโครงการจัดตั้งงานธนาคารกระดูกและเนื้อเยื่อในประเทศไทย และได้ตั้งสมาคม APASTB อีกทั้งได้มีนวัตกรรมอีกหลายอย่างในการสร้างเครือข่ายของงานธนาคารกระดูกขึ้น เป็นผลให้ได้รับคัดเลือกให้เป็นบุคคลดีเด่นของชาติ พ.ศ.2549 ของสำนักงานเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และในปลายปีเดียวกันได้รับการเสนอชื่อจากราชบัณฑิตยสถานเพื่อรับพิจารณาเป็นผู้รับพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยานวัตกรรมในงานธนาคารกระดูกและเนื้อเยื่อ คือการสร้างเครือข่ายผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับประเทศ และระดับนานาชาติ ได้รับเชิญเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของ EATB ได้ร่างโครงการหลักสูตรมหาบัณฑิตด้านธนาคารกระดูกและเนื้อเยื่อขึ้น แต่ด้วยขาดแคลนนักศึกษา จึงทำให้โครงการปริญญาโทนี้ได้ระงับไว้ เพราะเกรงจะไม่คุ้มทุน ต่อมาได้เสนอให้ IAEA ให้เสนอต่อ WHO ให้รับโครงการธนาคารกระดูกและเนื้อเยื่อให้เป็นงานที่ WHO ประสานงานและรับโครงการไว้เป็นของ WHO โดยตรง ในอาคารเฉลิมพระเกียรติได้เขียนโครงการตั้งศูนย์เนื้อเยื่อฯ ให้มีพื้นที่ประมาณ 4,000 ตร.เมตร แต่ภายหลังถูกเปลี่ยนแปลงเป็นหอผู้ป่วย ห้อง lab ที่สร้างเป็นศูนย์เลี้ยง cell ก็ถูกดัดแปลงเป็นห้องเรียนเพื่อผ่าตัดข้อโดยวิธีส่องกล้อง ทำให้งานของศูนย์เนื้อเยื่อต้องเปลี่ยนแปลงแนวปฏิบัติไป ได้ตั้งสมาคมธนาคารกระดูกและเนื้อเยื่อในประเทศไทยขึ้น เมื่อ 2544 และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงรับสมาคมฯ ไว้ในพระอุปถัมภ์
ในด้านงานลูกเสือซึ่งเป็นงานที่ได้รับเหรียญอิสริยาภรณ์ลูกเสือสดุดีของโลก ที่ได้รับมอบเป็นคนที่ 9 ของประเทศไทย ดังมีรายชื่อผู้ได้รับมอบ +ถวาย คือ
1. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
2. ศาสตราจารย์นายแพทย์สม มาร์ติน
3. นายอภัย จันทร์ผล
4. นายแพทย์จิตร ทังสุบุตร
5. นายเพทาย อมาตยกุล
6. นายกอง วิสุทธารมย์
7. นายสุธรรม พันธุศักดิ์
8. นางสุมน สมสาร
9. ศาสตราจารย์นายแพทย์ยงยุทธ วัชรดุลย์
ซึ่งได้รับในงานการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ครั้งที่ 38 ที่จัด ณ ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อ 17 กรกฎาคม 2551
ผลงานที่ได้รับการเสนอชื่อก็เพราะได้เริ่มงานลูกเสือในประเทศไทย โดยเริ่มได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของสภาลูกเสือแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ.2529 และได้รับโปรดเกล้าฯ ต่อเนื่องกันมาถึงปัจจุบัน โดยในปี พ.ศ.2541-2548 ได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารสำนักงานลูกเสือเขตเอเชียแปซิฟิค และได้เคยทำหน้าที่เป็นประธานอนุกรรมการสิ่งแวดล้อมของลูกเสือภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค ต่อมาได้รับเชิญเป็นกรรมการของโลก เรื่องลูกเสือสิ่งแวดล้อมได้ตั้งชมรมลูกเสือชาวพุทธโลก (WBSB) และโครงการ millennium scout คือ ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของคนพิการให้เป็นลูกเสือในสังคมพร้อมกับคนปกติ (โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากพระราชินีซิลเวีย แห่งสวีเดน) และได้ก่อตั้งสโมสรลูกเสือ สมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ ในพระอุปถัมภ์ฯ เพื่อดำเนินการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในลูกเสือ ส่งเสริมสุขภาพ เช่น เยี่ยมคนไข้ในโรงพยาบาล, ป้องกันโรคไม่ติดต่อโดยออกกำลังกาย ลูกเสือเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น ปลูกต้นไม้ลดมลพิษ ลูกเสือส่งเสริมประชาธิปไตย จากงานทั้งหมดที่ทำมาต่อเนื่อง 21 ปี ไม่ว่าจะเป็น กรรมการบริหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของสภาลูกเสือและกรรมการบริหารภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคในการก่อตั้งชุมนุมลูกเสือชาวพุทธ ลูกเสือส่งเสริมสิทธิมนุษยชในผู้พิการ โดยใช้กิจการลูกเสือ จึงได้รับมอบเหรียญ Bronge Wolf เป็นคนที่ 9 ของประเทศไทยประจำปี 2550
การทำงานทุกอย่างต้องมีหลักการ “ผู้ใหญ่ดึงผู้น้อยดันคนเสมอกันพยุง” ความสำเร็จของงานต้องได้รับการสนับสนุนและยอมรับจากทุกฝ่าย ที่จะได้มาซึ่งการยอมรับ ต้องมีปัจจัยสนับสนุนหลายอย่าง ถ้ามองในแง่วัฒนธรรมศิริราช พูดตามลำดับได้ดังนี้
- Seniority ความเป็นพี่น้อง ก็คือความรู้จักคุ้นเคยกันนั่นเอง เมื่อมีความเป็นญาติกัน ทุกอย่างก็ให้ซึ่งกันและกันได้
- Integrity ความซื่อสัตย์ความเชื่อถือ เป็นบุคลิกภาพที่จะให้เกิดการยอมรับ
- Responsibility มีความรับผิดชอบ ตรงเวลา เป็นคุณสมบัติที่คนดีต้องมีในตัว
- Innovation ความคิดสร้างสรรค์ ต้องไม่ลืมว่า นวัตกรรมทำให้กิจการใดๆ ในโลกอยู่ได้ และ
เกิดการพัฒนา ถ้าไม่มีนวัตกรรมองค์กรนั้นๆ ต้องสิ้นสุดลงในไม่ช้า
- Respect การให้เกียรติซึ่งกันและกัน เป็นปัจจัยที่ทำให้หมู่คณะทำงานร่วมกันได้ และแน่นอนทำให้เกิดความสามัคคี แก้ปัญหาที่ยุ่งยากขององค์กรได้
- Altruism การเห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ซึ่งตรงกับพระราโชวาทของสมเด็จพระบรมราชชนกที่กล่าวว่า ขอให้ถือประโยชน์ของคนไข้เป็นที่ 1 ประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ 2 ลาภและยศสรรเสริญจะตกแก่ตัวท่านเอง หากท่านดำรงอาชีพไว้ด้วยความบริสุทธิ Journey to Excellence and Sustainability แน่นอนต้องมุ่งหวังสู่ความเป็นเลิศในทุกสิ่งที่จะทำ และให้อยู่ยั่งยืนถาวร ทั้งหมดเป็นแนวคิดการทำงาน
อย่างชาวศิริราช ซึ่งมี Spirit อยู่แล้ว จึงไม่เป็นการยากสำหรับเลือดศิริราชที่แท้จริง
ผลงานที่ภาคภูมิใจมากที่สุด
งานที่ภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต คือ การก่อตั้งธนาคารกระดูก และเนื้อเยื่อ ที่ใช้ชื่อว่า ศูนย์เนื้อเยื่อชีวภาพกรุงเทพฯ ในพระอุปถัมภ์พระพี่นางเธอสมเด็จเจ้าฟ้ากัลยาฯ ซึ่งต่อมาภายหลังได้รับการแต่งตั้งจาก WHO
ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขา ธนาคารกระดูก ค.ศ.2005 – 2009 และศูนย์เนื้อเยื่อได้รับการตั้งให้เป็นศูนย์ประสานงานวิชาการของ WHO ในด้านงานธนาคารกระดูกและเนื้อเยื่อ Collaborating center ซึ่งเป็นผลงานที่ทำให้ประเทศในเอเชียแปซิฟิคยอมรับ ได้ตั้งสมาคม APASTB ขึ้นเมื่อ ค.ศ.1988 ได้รับเลือกเป็นนายกคนแรกของสมาคม ขณะนี้กำลังติดต่อประสานงานกับประเทศอินเดีย โดยได้เดินทางไปพบปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่กรุงนิวเดลี เพื่อพิจารณาความร่วมมือโครงการระดับประเทศขึ้นในอินเดีย โดยมีผู้อำนวยการกองควบคุมโรคประสานงาน ผลการริเริ่มงานธนาคารกระดูกและเนื้อเยื่อในประเทศไทยทำให้อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเสนอโครงการสร้างตึกเฉลิมพระเกียรติ เพื่อขยายพื้นที่ปฏิบัติงานให้แก่ศูนย์เนื้อเยื่อฯ ทั้งนี้เป็นเพราะลูกชายของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภาลูกเสือคนหนึ่งเคยรู้จักกัน และต้องการจะนำเข้าเครื่องจำหน่ายล๊อตเตอรี่โดยใช้คอมพิวเตอร์ซึ่งได้แนะนำรัฐมนตรีให้มารักษา ต่อมาท่านรัฐมนตรีได้มาตรวจรักษาต่อที่โรงพยาบาลศิริราช ได้เห็นสถานที่ตั้งของศูนย์เนื้อเยื่อคับแคบมาก จึงได้เกิดความคิดว่าจะสร้างตึกถวายเป็นโครงการเฉลิมพระบารมี 50 ปีครองราชย์ แต่ตึกจักษุเก่ามีปัญหาจะต้องซ่อมหรือสร้างใหม่ จึงได้ย้ายโครงการ one stop service ของออร์โธปิดิกส์ ไปไว้ชั้นบนๆ ของตึกสร้างใหม่ ทางรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ก็ตั้งโครงการสร้างตึกเฉลิมพระเกียรติขึ้นในโรงพยาบาลศิริราช 16 ชั้น และผู้เขียนได้ขอให้มีการกำหนดชั้นบนเป็น word ที่ประทับ และชั้นใต้ดินเป็นที่จอดรถ, ร้านค้า, และศูนย์อาหาร อีกทั้งได้ขอรัฐมนตรีช่วยให้กำหนดสำนักงานสลากกินแบ่งเป็นผู้ว่าจ้างในการสร้างอาคาร ตัวผู้เขียนขอเป็นเพียงกรรมการตรวจรับการก่อสร้างด้วยผู้หนึ่ง ซึ่งทำให้สะดวก และปลอดภัยในการว่าจ้างโดยคณะแพทยศาสตร์ มิใช่ผู้ว่าจ้าง แต่เป็นสำนักงานสลากกินแบ่งเป็นเจ้าของโครงการ คณะแพทยศาสตร์เป็นผู้ตรวจรับการก่อสร้าง ในการก่อสร้างและตรวจรับมีหลายงวด ซึ่งคณะกรรมการตรวจรับก็พยายามพิจารณารูปแบบ และตรวจรับตรงตามแบบดั้งเดิม ซึ่งก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงแบบอยู่บ้าง เช่น ชั้น 9 เดิมมีสระว่ายน้ำที่ใช้ทาง เวชศาสตร์ฟื้นฟู ต่อมาโรงเรียนกายภาพบำบัดของภาควิชาออร์โธปิดิกส์ได้เปลี่ยนสภาพเป็นคณะกายภาพบำบัดจึงได้ย้ายที่ตั้งไปที่ทำการมหาวิทยาลัยมหิดลเก่าที่เชิงสะพานพระปิ่นเกล้าฯ
ในระหว่างรับงบประมาณก่อนจะมีการประมูลก็มีเหตุการณ์เงินบาทลอยตัวที่ได้รับอนุมัติตอนแรก 500 ล้านบาท จึงสร้างไม่ได้และทางรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่บังเอิญว่าเป็นลูกชายของคนไข้ที่เคยผ่าตัดไว้ จึงอนุมัติให้เพิ่มงบประมาณโดยการนำเอาดอกเบี้ยที่เกิดจากเงินฝากอยู่มาสมทบ จึงทำ
ให้การก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติเป็นไปได้ในที่สุด จึงนับว่ากิจการลูกเสือมีส่วนเริ่มให้มีโครงการสร้างตึกนี้เกิดขึ้น จากโครงการจัดตั้งงานธนาคารกระดูกและเนื้อเยื่อในประเทศไทย และได้ตั้งสมาคม APASTB อีกทั้งได้มีนวัตกรรมอีกหลายอย่างในการสร้างเครือข่ายของงานธนาคารกระดูกขึ้น เป็นผลให้ได้รับคัดเลือกให้เป็นบุคคลดีเด่นของชาติ พ.ศ.2549 ของสำนักงานเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และในปลายปีเดียวกันได้รับการเสนอชื่อจากราชบัณฑิตยสถานเพื่อรับพิจารณาเป็นผู้รับพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยานวัตกรรมในงานธนาคารกระดูกและเนื้อเยื่อ คือการสร้างเครือข่ายผู้ที่เกี่ยวข้องในระดับประเทศ และระดับนานาชาติ ได้รับเชิญเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของ EATB ได้ร่างโครงการหลักสูตรมหาบัณฑิตด้านธนาคารกระดูกและเนื้อเยื่อขึ้น แต่ด้วยขาดแคลนนักศึกษา จึงทำให้โครงการปริญญาโทนี้ได้ระงับไว้ เพราะเกรงจะไม่คุ้มทุน ต่อมาได้เสนอให้ IAEA ให้เสนอต่อ WHO ให้รับโครงการธนาคารกระดูกและเนื้อเยื่อให้เป็นงานที่ WHO ประสานงานและรับโครงการไว้เป็นของ WHO โดยตรง ในอาคารเฉลิมพระเกียรติได้เขียนโครงการตั้งศูนย์เนื้อเยื่อฯ ให้มีพื้นที่ประมาณ 4,000 ตร.เมตร แต่ภายหลังถูกเปลี่ยนแปลงเป็นหอผู้ป่วย ห้อง lab ที่สร้างเป็นศูนย์เลี้ยง cell ก็ถูกดัดแปลงเป็นห้องเรียนเพื่อผ่าตัดข้อโดยวิธีส่องกล้อง ทำให้งานของศูนย์เนื้อเยื่อต้องเปลี่ยนแปลงแนวปฏิบัติไป ได้ตั้งสมาคมธนาคารกระดูกและเนื้อเยื่อในประเทศไทยขึ้น เมื่อ 2544 และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงรับสมาคมฯ ไว้ในพระอุปถัมภ์
ในด้านงานลูกเสือซึ่งเป็นงานที่ได้รับเหรียญอิสริยาภรณ์ลูกเสือสดุดีของโลก ที่ได้รับมอบเป็นคนที่ 9 ของประเทศไทย ดังมีรายชื่อผู้ได้รับมอบ +ถวาย คือ
1. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
2. ศาสตราจารย์นายแพทย์สม มาร์ติน
3. นายอภัย จันทร์ผล
4. นายแพทย์จิตร ทังสุบุตร
5. นายเพทาย อมาตยกุล
6. นายกอง วิสุทธารมย์
7. นายสุธรรม พันธุศักดิ์
8. นางสุมน สมสาร
9. ศาสตราจารย์นายแพทย์ยงยุทธ วัชรดุลย์
ซึ่งได้รับในงานการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ครั้งที่ 38 ที่จัด ณ ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อ 17 กรกฎาคม 2551
ผลงานที่ได้รับการเสนอชื่อก็เพราะได้เริ่มงานลูกเสือในประเทศไทย โดยเริ่มได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของสภาลูกเสือแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ.2529 และได้รับโปรดเกล้าฯ ต่อเนื่องกันมาถึงปัจจุบัน โดยในปี พ.ศ.2541-2548 ได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารสำนักงานลูกเสือเขตเอเชียแปซิฟิค และได้เคยทำหน้าที่เป็นประธานอนุกรรมการสิ่งแวดล้อมของลูกเสือภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค ต่อมาได้รับเชิญเป็นกรรมการของโลก เรื่องลูกเสือสิ่งแวดล้อมได้ตั้งชมรมลูกเสือชาวพุทธโลก (WBSB) และโครงการ millennium scout คือ ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของคนพิการให้เป็นลูกเสือในสังคมพร้อมกับคนปกติ (โครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากพระราชินีซิลเวีย แห่งสวีเดน) และได้ก่อตั้งสโมสรลูกเสือ สมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ ในพระอุปถัมภ์ฯ เพื่อดำเนินการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในลูกเสือ ส่งเสริมสุขภาพ เช่น เยี่ยมคนไข้ในโรงพยาบาล, ป้องกันโรคไม่ติดต่อโดยออกกำลังกาย ลูกเสือเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น ปลูกต้นไม้ลดมลพิษ ลูกเสือส่งเสริมประชาธิปไตย จากงานทั้งหมดที่ทำมาต่อเนื่อง 21 ปี ไม่ว่าจะเป็น กรรมการบริหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของสภาลูกเสือและกรรมการบริหารภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคในการก่อตั้งชุมนุมลูกเสือชาวพุทธ ลูกเสือส่งเสริมสิทธิมนุษยชในผู้พิการ โดยใช้กิจการลูกเสือ จึงได้รับมอบเหรียญ Bronge Wolf เป็นคนที่ 9 ของประเทศไทยประจำปี 2550
ศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์ยงยุทธ วัชรดุลย์
ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์และกายภาพบำบัด
ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์และกายภาพบำบัด
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
เรื่องเล่าจาก ศ.คลินิก นพ. ยงยุทธ วัชรดุลย์
ตอบลบหลักคิดในการทำงาน